1. สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
การทำ E-commerce
นั้น คงไม่ใช่แค่เพียงการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา แล้วจะมีใครต่อใครที่ได้ต่ออินเทอร์เน็ตเข้าไปดูกันได้เท่านั้น
เพราะหากว่าไปแล้ว เว็บไซต์ก็เหมือน “ ภาพพจน์ ” หนึ่งของบริษัท หากอยากทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ ควรคำนึงถึงอุปสรรคที่จะเป็นตัวแปรสำคัญว่าธุรกิจของบริษัทจะประสบความสำเร็จหรือไม่
1.1 การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ยังขาดทักษะเรื่องของภาษา
การนำเสนอขายสินค้าบางครั้งแค่ใส่ขนาดกับราคาเพียงเท่านั้น ขาดรายละเอียดทั้งในเรื่องของวัสดุ
การใช้งาน และข้อมูลต่างๆที่ ลูกค้าต้องการเพิ่ม ที่สำคัญ นโยบายรับคืนสินค้า
หลายเว็บไซต์มักเกรงปัญหาของคืน จึงไม่ได้ใส่เงื่อนไขสำคัญนี้ในเว็บของตน หรือบางเว็บไซต์ก็ใส่ข้อมูลที่เยอะมากเกินไป
กว่าลูกค้าจะคลิกเข้าไปซื้อของได้ก็เสียเวลาเปิดเข้าไปในแต่ละหน้านานมาก
1.2 ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ การนำเสนอข้อมูลที่ขาดรายละเอียดนั้น
บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่บางเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้
หรือขาดความรู้ในการเข้าถึงเทคโนโลยีมีผู้ประกอบการหลายราย เปิดเว็บไซต์แล้ว ไม่ได้ตรวจอีเมล์
หรือตอบช้าเกินไป
1.3 ขาดการวางแผนตลาดรองรับ การมีเว็บไซต์เป็นเสมือนการเปิดร้านแห่งหนึ่งขึ้นบนโลกไซเบอร์
ซึ่งวันหนึ่งๆ มีเว็บเกิดขึ้นเป็นหมื่น
หากไม่มีการวางแผนประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จัก ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
หลายเว็บเกิดขึ้นมาแบบขาดการวางแผน เห็นธุรกิจอื่นมีเว็บกัน ก็แค่อยากมีกับเขาบ้าง
1.4 ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีหลายเว็บที่เปิดขึ้นมาแล้ว
ขาดการดูแล ผู้ซื้อเข้ามากี่เดือนก็พบรูปแบบเหมือนเดิม ซ้ำโปรโมชั่นเก่าที่เอามาลดราคาก็หมดเขตไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทำให้เว็บขาดความเชื่อถือดังนั้น เมื่อเปิดเว็บแล้ว ต้องติดตาม ตรวจสอบสถิติ และพัฒนาเว็บไซต์ของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ
1.5 หลงเทคโนโลยี
การสร้างเว็บไซต์ บางครั้งผู้ประกอบการมักหลงใหลกับความงามของกราฟฟิก ใส่ภาพเคลื่อนไหว
เสียงประกอบต่างๆ เข้าไป เพื่อหวังจะเรียกร้องความสนใจของผู้เข้าชม โดยลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้ผู้ซื้อสินค้าเสียเวลาโหลดนานมากกว่าที่จะ
ได้ดูสินค้าแต่ละหน้า
1.6 ไม่กำหนดตลาด การที่อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก
ทำให้ผู้ค้าบางรายหวังขายสินค้าไปทั่วโลก ทั้งที่ในโลกการค้า ลักษณะการใช้ภาษาก็ดี , รูปแบบ , ราคาของสินค้าก็ดี ล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เมื่อได้ข้อมูลความต้องการของลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว
ควรมุ่งเน้นไปยังตลาดกลุ่มเป้าหมาย ดีกว่าการทำตลาดแบบเหวี่ยงแห ซึ่งนอกจากเสียเวลาแล้ว
ยังอาจเสียลูกค้าโดยไม่รู้ตัว เช่น หากจะขายเครื่องประดับราคาสูงแล้ว
ก็ต้องไม่มีการขายตุ้มหู คู่ละ เหรียญอยู่ในเว็บ เป็นต้น
1.7 การออกแบบ การออกแบบเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ควรออกแบบให้ผู้ใช้ เข้าใจได้ง่าย โดยไม่ต้องมีคู่มือประกอบ
สามารถค้นหาสินค้าได้สะดวก และชำระเงินได้โดยง่าย บางเว็บไซต์
ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าใช้งานลำบาก
2. ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ
E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ
น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง
2 .1 กล้าตัดสินใจ ประการแรกที่ต้องทำ คือ
ค้นคว้าหาข้อมูล สร้างจินตนาการ กลั่นกรองความคิด หาช่องทางและโอกาสเมื่อมองเห็น
จงกล้าตัดสินใจดำเนินการ เพราะธุรกิจนี้ใช้เงินน้อยมาก
เมื่อเทียบกับการเปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือตึกแถวทั่วไป
และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การขายสินค้าบนเว็บนี้ สามารถขายให้คนได้ทั่วโลกและมีอากาศทั้งค้าปลีก
ค้าส่ง และค้าส่งออกเป็นล็อตใหญ่ ฉะนั้น เมื่อเห็นโอกาสจงอย่ารีรอเป็นอันขาด
2.2 หน้าที่หลักของท่าน คือ การคิดเรื่องการตลาด เมื่อตัดสินใจแล้วหน้าที่หลักคือ การวางแผนการตลาด คือจะขายให้ใคร ความต้องการและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร จะวางตำแหน่งสินค้าอย่างไร จะต้องพัฒนาสินค้าอย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น จะตั้งราคาสินค้าเท่าใด จะขายผ่านช่องทางใด ตรงไปที่ผู้นำเข้า พ่อค้าส่ง พ่อค้าปลีกหรือผู้บริโภคโดยตรง และจะประชาสัมพันธ์เว็บ หรือมีรายการส่งเสริมการขายอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการมีเทคโนโลยีดี ๆ ด้วยซ้ำ
2.3 โปรแกรมด้าน e-commerce มีความพร้อมให้ใช้งานอยู่แล้ว สำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มีให้ใช้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่น www.ecombot.com ซึ่งมีระบบครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งหน้าร้าน หรือออกแบบเว็บเพจให้มี ระบบออนไลน์แคตาล็อค ระบบตระกร้า หรือ shopping cart ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบ real-time ระบบติดตามผลการขาย ระบบออกรายงานขาย ระบบลงทะเบียน search engines เป็นต้น ฉะนั้น หน้าที่ของท่านก็เพียงแต่นำเอาข้อมูลสินค้า ราคา รูปภาพที่เตรียมไว้แล้วป้อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น ก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที
2.4 ใช้งบประมาณลงทุนน้อย เงินลงทุนที่ใช้เพียงค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โมเด็ม และค่าโปรแกรม e-commerce นอกจากนี้ยังมีการซื้อโปรแกรมระบบ e-commerce ในอัตราเดือนละไม่ถึง 500 บาท ก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่หากท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ โมเด็ม และไม่ได้เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต เลยก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้ ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 25,000 บาท ค่าโมเด็ม ประมาณ 3,000 บาท และค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตประมาณเดือนละ 500 บาท หรือรวมเบ็ดเสร็จแล้วลงทุนทั้งหมดอยู่ในราว 30,000 บาท
2.5 เร่งงานให้เสร็จตามกำหนด เวลาในการลงมือทำงานแล้ว สิ่งสำคัญต้องเร่งทำเดินงานให้เสร็จทันตามเวลา ไม่ควรเรื่องมาก หรือเขียนคิ้วทาปากให้กับเว็บ ทำการทดสอบสินค้าและราคาก่อน เพราะสาระสำคัญทางการค้ายังมีเรื่องที่ต้องทดสอบอีกมาก และก็ไม่มีใครสนใจความสวยงามของเว็บท่านมากนัก เพราะเขามาซื้อสินค้าไม่ใช้มาซื้อเว็บของท่าน อย่าลืม "เรียบง่าย ดูดี น่าเชื่อถือ" เป็นสำคัญ
2.2 หน้าที่หลักของท่าน คือ การคิดเรื่องการตลาด เมื่อตัดสินใจแล้วหน้าที่หลักคือ การวางแผนการตลาด คือจะขายให้ใคร ความต้องการและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร จะวางตำแหน่งสินค้าอย่างไร จะต้องพัฒนาสินค้าอย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น จะตั้งราคาสินค้าเท่าใด จะขายผ่านช่องทางใด ตรงไปที่ผู้นำเข้า พ่อค้าส่ง พ่อค้าปลีกหรือผู้บริโภคโดยตรง และจะประชาสัมพันธ์เว็บ หรือมีรายการส่งเสริมการขายอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการมีเทคโนโลยีดี ๆ ด้วยซ้ำ
2.3 โปรแกรมด้าน e-commerce มีความพร้อมให้ใช้งานอยู่แล้ว สำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มีให้ใช้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่น www.ecombot.com ซึ่งมีระบบครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งหน้าร้าน หรือออกแบบเว็บเพจให้มี ระบบออนไลน์แคตาล็อค ระบบตระกร้า หรือ shopping cart ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบ real-time ระบบติดตามผลการขาย ระบบออกรายงานขาย ระบบลงทะเบียน search engines เป็นต้น ฉะนั้น หน้าที่ของท่านก็เพียงแต่นำเอาข้อมูลสินค้า ราคา รูปภาพที่เตรียมไว้แล้วป้อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น ก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที
2.4 ใช้งบประมาณลงทุนน้อย เงินลงทุนที่ใช้เพียงค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โมเด็ม และค่าโปรแกรม e-commerce นอกจากนี้ยังมีการซื้อโปรแกรมระบบ e-commerce ในอัตราเดือนละไม่ถึง 500 บาท ก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่หากท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ โมเด็ม และไม่ได้เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต เลยก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้ ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 25,000 บาท ค่าโมเด็ม ประมาณ 3,000 บาท และค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตประมาณเดือนละ 500 บาท หรือรวมเบ็ดเสร็จแล้วลงทุนทั้งหมดอยู่ในราว 30,000 บาท
2.5 เร่งงานให้เสร็จตามกำหนด เวลาในการลงมือทำงานแล้ว สิ่งสำคัญต้องเร่งทำเดินงานให้เสร็จทันตามเวลา ไม่ควรเรื่องมาก หรือเขียนคิ้วทาปากให้กับเว็บ ทำการทดสอบสินค้าและราคาก่อน เพราะสาระสำคัญทางการค้ายังมีเรื่องที่ต้องทดสอบอีกมาก และก็ไม่มีใครสนใจความสวยงามของเว็บท่านมากนัก เพราะเขามาซื้อสินค้าไม่ใช้มาซื้อเว็บของท่าน อย่าลืม "เรียบง่าย ดูดี น่าเชื่อถือ" เป็นสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก
:
อ่านแล้วเข้าใจดีค่ะ
ตอบลบเนื้อหาสาระดีนะครับ มีข้อมูลเพิ่มเติมให้ผมได้รู้เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ การให้คำจำกัดหัวข้อสื่อเด่นชัดคลอบคลุมในความหมายดีครับ เนื้อหาสาระดีครับ
ตอบลบส่วนมุมมองของผมนั้นอาจมีส่วนปัจจัยต่างๆ เข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งก็อาจกล่าวเสนอแนะเป็นลำดับประเด็นได้ดังนี้ นะครับ
1. สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ในทางความคิดของผมก็จะมีในเรื่องลักษณะนิสัยของคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้องตลอดจนภูมิสภาพทางการตลาดของผู้บริโภคซึ่งแตกต่างจากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้าน E-commerce เป็นอย่างมาก รวมถึงด้านทัศนคติต่างๆของคนไทยที่ยังเข้าระบบที่ยังไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังด้านไม่ไว้วางใจในด้านธุรกิจประเภทนี้ด้วยนะครับ
2. ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง
ผมคิดว่านอกจากปัจจัยที่กล่าวมานั้น น่าจะมีการสร้างพันธมิตรทางการค้าเข้ามามีส่วนช่วยเหลือระหว่างกันด้วยนะครับ
ซึ่งจากข้อมูลในบทความนี้ส่วนใหญ่สามารถทำให้มองเห็นถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจ E-commerce ได้เป็นส่วนหนึ่งครับ ขอบคุณครับ
ฝากลิ้งค์ ครับ http://ebusinesskorawit.blogspot.com/
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบเนื้อหารวมๆแล้วพอใช้ได้นะจ๊ะ แต่น่าจะมีเพิ่มอีกนิดหนึ่งอ่ะจ๊ะ
ลบเนื้อหาสาระมีความชัดเจนดีคะ
ตอบลบดิฉันขอเสนอปัญหา และแนวทางการแก้ไขที่เป็นความคิดเหนส่วนตัวคะ
ปัญหาความยากจนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยทำให้เกิดความด้อยโอกาสและขาดความรู้ทางเทคโนโลยี รวมทั้งขาดเครือข่ายการสื่อสาร สามารถแก้ไขโดยรัฐต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้ทุกคนเข้าถึง E-Commerce ได้
บทสรุปเข้าใจง่ายค่ะ
ตอบลบเนื้อหาสาระ อ่านง่ายดีมากค่ะ
ตอบลบอ่านง่ายคับ มีเนื้อหาที่น่าสนใจ
ตอบลบดีมากค่ะเข้าใจง่ายสวยงามมากค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดีมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจเป็นอย่างดี
ตอบลบเนื้อหาชัดเจน เข้าใจง่าย และน่าสนใจค่ะ
ตอบลบเนื้อหาได้ใจความอย่างมาก อ่านง่าย
ตอบลบเนื้อมีสาระจับใจความสำคัญได้เยอะดีค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดีมากค่ะ เข้าใจง่าย สามารถที่จะนำไปเป็นแนวทางในการทำธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง
ตอบลบแม้ปัจจุบันภาพรวมของการสื่อสารผ่านเครือข่ายออนไลน์จะได้รับความนิยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับปรากฎว่า ยอดการทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ดังกล่าว กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงลักษณะทั่วไปของธุรกิจ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีสัดส่วนของธุรกิจขนาดเล็ก(มีคนทำงานไม่เกิน 5 คน) มากที่สุด คือ ร้อยละ 68.5 และเป็นการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาคธุรกิจกับผู้บริโภค(B2C) ร้อยละ 73.3
ฝากด้วยนะค่ะ http://sobeebee.blogspot.com/
ชัดเจนดีครับ เนื้อหาเยอะดี
ตอบลบเนื้อหาดีมากค่ะ เข้าใจง่าย สามารถที่จะนำไปเป็นแนวทางในการทำธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง
ตอบลบเนื้อหาอ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ
ตอบลบ